วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Cinnamon Roll



No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Cinnamon Roll

เป็นอีกหนึ่งขนมที่ไม่คิดว่า ไม่ต้องใช้เตาอบก็สามารถทำได้

ส่วนผสม
ขนมปังขาวตัดขอบ 2 ชิ้น (ต่อ 1 ชิ้น)
เนย 2 ช้อนโต๊ะ
ผงอบเชย 2 ช้อนโต๊ะ
confectioners’ sugar 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำเปล่า 1/8 ช้อนชา หรือเท่าที่จำเป็น

วิธีทำ
แผ่แผ่นขนมปังด้วยลูกกลิ้งจบแบน จากนั้นทาขนมปังด้วยเนยแล้วโรยด้วยผงอบเชย
ม้วนขนมปังจากด้านนึงไปอีกด้านให้แน่น (เหมือนม้วนเสื่อ) แล้วต่อด้วยขนมปังที่รีดแล้วแผ่นที่ 2 (1ชิ้นใช้ขนมปัง 2 แผ่นต่อกัน)
ผสมน้ำกับ confectioners’ sugar ในชามใบเล็กๆ เพื่อทำ frosting
โปรย frosting ลงบนขนมปัง แล้วก็พร้อมเสิร์ฟ

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : allrecipes.com
ดูได้ที่ Hroyy!
ดูได้ที่ Bloggang

วันอาทิตย์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Chocolate Cookies


No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Chocolate Cookies

ถ้าหากใครเคยคิดว่าจะทำคุ๊กกี้ จะต้องมีเตาอบหรือไมโครเวฟเท่านั้นหล่ะก็
ลองดูสูตรนี้ก่อนนะ อิอิ

ส่วนผสม
น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วย
นม 1/2 ถ้วย
เนยเทียม 1/ 2 ถ้วย
ข้าวโอ๊ตอบแห้ง 3 ถ้วย
vanilla extract 1 ช้อนชา
ผงโกโก้แบบไม่หวาน 3 ช้อนโต๊ะ
มีพร้าวอบแห้งแบบแผ่น 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
ใช้กระทะท้องแบนตั้งเตาด้วยไฟกลาง แล้วเทน้ำตาล, นม และ เนยเทียมลงไป
ตั้งจนเดือด แล้วคนให้เข้ากัน ต้มประมาณ 4-5 นาที
ยกลงจากเตา แล้วใส่ข้าวโอ๊ต, วนิลา, ผงโกโก้ และ มะพร้าวแห้ง ลงไปคนให้เข้ากัน
ใช้ช้อนตักใส่กระดาษไขแล้วปล่อยให้เย็นลงอย่างน้อย 1 ชม.
แล้วเก้บในภาชนะที่ปิดมิมดชิด ไม่มีอากาศเข้า

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : allrecipes.com
ดูได้ที่ Hroyy!
ดูได้ที่ Bloggang

วันพฤหัสบดีที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Caramel Custard



No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Caramel Custard

ช่วงนี้วันหยุดเยอะ (บางคนหยุดยาว)
ว่างๆก็ทำขนมกินกันนะคะ จะได้อ้วนกันทั่วหน้า @^_^@

ส่วนผสม
ไข่ไก่ (ขนาด jumbo) 5 ฟอง ถ้าไข่เล็กก็เพิ่มเป็น 6 ฟองได้
นมข้นหวาน 1 กระป๋อง
น้ำ 1 กระป๋อง (ใช้กระป๋องนมข้นหวานตวงก็ได้)
น้ำตาลทราย 10 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
ทำคาราเมล โดยเอาน้ำตาลใส่ในพิมพ์ ตั้งเตาไฟกลาง แล้วคนไปเรื่อยๆ
พอน้ำตาลละลายหมด ให้เติมน้ำร้อนลงไปประมาณ 3-4 ช้อน เพื่อไม่ให้คาราเมลข้นเกินไป การทำคาราเมลนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังสูง เพราะไหม้ง่ายมากๆ
จากนั้นหมุนพิมพ์ให้คาราเมลเคลือบพิมพ์ให้ทั่ว ขั้นนี้ต้องรีบๆทำหรือใช้แปรงทาพิมพ์ช่วยให้เร็วขึ้น ไม่งั้นคาราเมลจะเย็นตัวแล้วเกาะกันอยู่ก้นพิมพ์
พอทำคาราเมลเสร็จแล้ว ก็เริ่มตีไข่ ถ้าไม่มีเครื่องตี ก็ใช้มือตีก็ได้ค่ะ ตีให้ฟู
พอไข่ฟูดีแล้ว ให้เติมนมข้นลงไป แล้วตามด้วยเติมน้ำลงไป 1 กระป๋อง ผสมให้เข้ากันดีแล้วเทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้
ฝานเปลือกเลมอนบางๆ ซัก 4-5 ชิ้น วางลงไป บนของเหลวอีกที(เพื่อดับกลิ่นไข่) ถ้าไม่มีเลมอนก็ใส่วานิลลาลงไปแทนซัก 1 ช้อนชา(ใส่ตอนผสมกับนมและน้ำ)
จากนั้นปิดด้วยพลาสติก รัดด้วยยางรัดของ(เส้นใหญ่) และเจาะรู(ควรจะหลายๆ รู)ด้วยไม้จิ้มฟัน ปิดด้วยพลาสติกเพื่อกันไม่ให้น้ำลงไปเวลานึ่ง
จากนั้นนำไปนึ่ง(ปิดฝาหม้อด้วย) นึ่งด้วยไฟกลางประมาณ 20-25 นาที เช็คสุกด้วยการใช้มือแตะดูว่าเนื้อคัสตาร์ดแข็งแล้ว เด้งๆ แต่อย่านึ่งนานเกินไปนะคะ เนื้อจะแข็ง
เมื่อนึ่งสุกแล้ว ให้เอาพิมพ์ออกจากหม้อนึ่ง แล้วทิ้งให้เย็นลงเล็กน้อย ถ้าใส่เปลือกเลมอนลงไปก็แกะเอาเปลือกเลมอนออกก่อน แล้วคว่ำพิมพ์บนจานที่มีก้นเล็กน้อย (คว่ำเหมือนทำเค้กเลย) ก็เสร็จเรียบร้อย

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : internet
ดูได้ที่ Hroyy!
ดูได้ที่ Bloggang

วันพุธที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Tiramisu


No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Tiramisu

เป็นขนมไฮโซ ที่วิธีทำไม่ยากเลย (เพราะยากๆเราไม่ทำ หุหุ)
ทิรามิสุ (tiramisu)เป็นขนมหวานสัญชาติอิตาเลียน เป็นขนมที่เนื้อนุ่มเบาและมีรสเข้มข้นของชีส(Mascapone)และรสขมๆของกาแฟดำ อร่อยอย่างลงตัว (แถมลงพุง)
สูตรนี้เอามาจาก Health & Cusine

ส่วนผสมเนื้อครีม
ไข่ 3 ฟอง
วิปปิ้งครีม(Whipping cream)หรือเฟรชครีม (Fresh cream) 1 1/4 ถ้วย
ชีสมาสคาโปเน่(mascapone cheese) 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมสปองจ์กาแฟ
ขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์(Lady finger) 10 ชิ้น (ชอบกินของ little home อ่ะ)
กาแฟดำ 2 ถ้วยตวง
ผงโกโก้สำหรับโรยหน้า

วิธีทำ
ผสมครีมกับชีสมาสคาโปเน่แล้วตีให้ขึ้นฟู(ความเร็วปานกลางจนตั้งยอด) แช่เย็นไว้จนเย็นจัด
แยกไข่ขาวกับไข่แดง ผสมน้ำตาลทรายกับไข่แดงตีรวมกันจนเป็นครีมข้น แช่เย็นไว้
ตีไข่ขาวจนกระทั่งฟูตั้งยอด
นำส่วนผสมของชีส ไข่แดง และไข่ขาวที่แช่เย็นจัดมาเคล้ารวมกันเบาๆ จากนั้นนำไปแช่เย็นอีกครั้งประมาณ 30 นาที
นำขนมปังเลดี้ฟิงเกอร์ไปจุ่มในกาแฟดำให้ชุ่ม จัดใส่ในแก้วที่ชอบแล้วราดทับด้วยครีม สลับชั้นกันจนเต็มแก้ว โรยหน้าด้วยผงโกโก้

H&C Tips
ไข่ควรใช้ไข่สดใหม่ เพราะเมื่อตีแล้วจะขึ้นฟู
กาแฟดำควรชงให้มีรสขมกว่าปกติเล็กน้อย เพราะจะตัดรสกับครีมได้ดียิ่งขึ้น
ควรเสิร์ฟขณะที่เย็นจัด และอาจเสิร์ฟคู่กับขนมปังหรือผลไม้สด เช่น สตรอเบอรี่ ก็ได้

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : Health & Cusine
ดูได้ที่ Hroyy!
ดูได้ที่ Bloggang

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Strawberry Jello Pie


No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Strawberry Jello Pie

ตอนนี้หน้าหนาว เริ่มเห็นสตรอเบอร์รี่วางขายแล้วอ่ะ เลยนึกถึงพายเยลลี่ใส่สตรอเบอร์รี่
งืมมมมมม อยากกินจังง

ส่วนผสม
น้ำแอปเปิ้ล 1-1/4 ถ้วย
น้ำตาล 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต๊ะ
เจลาตินสำเร็จรูปรสสตรอเบอร์รี่ 1 กล่อง (สำหรับ 4 คน)
สตรอเบอร์รี่ผ่าครึ่ง 2 ถ้วย
crust (ฐานพาย)แบบผสมน้ำผึ้ง 6 ออนซ์

วิธีทำ
ผสมน้ำแอปเปิ้ล น้ำตาล และแป้งข้าวโพดในกระทะ คนๆด้วยไฟปานกลางประมาณ 2 นาที หรือจนกว่าจะข้น ต้องคอยสังเกตุนะคะ
นำกระทะลง ผสมเจลาตินลงไปในกระทะ คนๆอีกประมาณ 2 นาที จนกว่าจะละลาย
วางสตรอเบอร์รี่เรียงลงไปบนฐานพาย (crust) ที่เตรียมไว้
เทเจลาตินที่ผสมแล้วลงไปบนสตรอเบอร์รี่ที่วางบน crust
นำไปแชาในตู้เย็นประมาณ 2 ชม. หรือจนกว่าจะแข็งตัว

ตอนเอาออกมากินบีบวิปครีมลงด้วยก็ได้ เพิ่มความมัน อร่อยดี

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : www.kraftfoods.com
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/06/strawberry-jello-pie/

วันเสาร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Banoffee pie

No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็นพายยอดนิยม Banoffee pie

วันนี้คึกมาก เลยลงสูตรขนมไว้เพียบ (คิดถึงช่วงที่ทำขนมบ่อยๆ)
สูตรขนมก็หาเอาจากในเนตอ่ะค่ะ เลือกทำขนมสูตรนี้เพราะว่าเป็นวิธีทำคาราเมลที่ง่ายที่สุดแล้ว
เพิ่งรู้เลยนะเนี่ย ว่าคาราเมลมันทำง่ายงี้ (สูตรอื่นอาจจะอร่อยกว่าหรือเปล่าไม่รู้ แต่อันนี้ง่ายมากๆอ่ะ)

ส่วนผสม
นมข้นหวาน 2 กระป๋อง
เนยละลาย 6 ช้อนโต๊ะ
เครกเกอร์ หรืด คุกกี้ 150 กรัม
อัลมอนด์อบบด 1/3 ถ้วย
ฮาเซลนัทอบบด 1/3 ถ้วย
กล้วย 4 ผล(กล้วยหอมสุกกำลังดีจะอาหย่อยมาก)
น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ
ช็อกโกแลตขูด 75 กรัม
เฮฟวี่ครีม หรือ วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย
วิธีทำ
ต้มนมข้นหวานทั้งกระป๋องในหม้อ เติมน้ำให้ท่วมกระป๋อง นำขึ้นตั้งไฟ ขั้นตอนนี้น่าจะใช้ไฟอ่อน-ปานกลางนะ
ใช้เวลาต้ม 2 ชั่วโมง หมั่นเติมน้ำให้ท่วมกระป๋องนะคะ จากนั้นยกกระป๋องนมมาพักไว้ให้เย็นสนิท เท่านี้ก็ได้คาราเมล (ง่ายมะ !!!)
เตรียมถาดพายขนาด 9 นิ้ว ทาเนยให้ทั่ว ส่วนเนยที่เหลือนำมาผสมกับเครกเกอร์และอัลมอนด์,ฮาเซลนัท เพื่อนำกรุทำพื้นพายและขอบด้านข้างของถาดค่ะ แล้วอบ 10-12 นาที, 350 F/180 C. (แต่เราแค่เอาไปแช่ตู้เย้็นให้แข็งเฉยๆ ไม่ได้อบอ่ะ)จากนั้นนำมาพักให้เย็น
มาทำตัวพายดีกว่า ปอกเปลือกกล้วยและหั่นกล้วยเป็นแว่นๆ ที่เคยทำก็จะหั่นให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร
เติมน้ำมะนาวและกลิ่นวานิลลาลงไป คนให้เข้ากัน แล้วเทลงบนเครกเกอร์ที่อบไว้แล้ว เกลี่ยให้ทั่ว
เปิดกระป๋องนมที่ต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว จะได้นมข้นสีน้ำตาลเหนียวๆ แล้วเทนมทับลงบนกล้วย โรยช็อกโกแลตขูดประมาณ 50 กรัม ให้ทั่วนมข้น แล้วปิดทับด้วยวิปปิ้งครีมที่ตีให้ฟูแล้ว โรยช็อกโกแลตขูดที่เหลือบนวิปปิ้งครีมอีกครั้ง

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : internet
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/05/banoffee-piebanoffee-pie/

No-Bake Bakery of the Day: Strawberry Panna Cotta


No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Strawberry Panna Cotta

อันนี้เคยทำแล้วจริงๆ (แต่ในรูปไม่ใช่อันที่ทำเอง แต่มันก็หน้าตาแบบนี้แหละ) ไม่ยากเลย แถมอร่อยมากกกกกกกด้วย
ขนาดว่าไม่ได้ทำขนมมานานมากแล้ว (ยุ่งอ่ะ ไม่มีเวลา) พี่ที่ออฟฟิสยัง request อยากกินขนมนี้อยู่บ่อยๆ (จ่ายตังค์มาด้วยเซร่ะ)


เริ่มเลยดีกว่า

ส่วนผสม panna cotta
วิปปิ้งครีม 2 ถ้วย
นม (ไม่พร่องมันเนย) 1 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
ผิวส้มซอยฝอย ๆ 1-2 ลูก (ทำให้ตัว panna cotta มีกลิ่นหอมส้มอ่ะ เอาเฉพาะผิวส้มด้านนอก สีขาวด้านในไม่เอา เพราะมันจะขม)
กลิ่นวนิลา 1/2 ช้อนชา
น้ำเย็น 2 ช้อนโต๊ะ
ผงเจลาติน 1 ช้อนโต๊ะ
สตรอเบอร์รี่สดเอาไว้แกล้ม ปริมาณตามชอบ ล้างให้สะอาดแล้วผ่าครึ่ง

วิธีทำตัว panna cotta
นำวิปปิ้งครีม + นม + น้ำตาล + วนิลา + ผิวส้ม มาใส่รวมกันในหม้อ นำไปตั้งไฟปานกลาง คนจนกว่าน้ำตาลจะละลาย แล้วต้มต่อจนเดือด
เมื่อเสร็จแล้วยกออกจากเตาแล้วตั้งพักไว้ประมาณ 10 นาที เพื่อให้ครีมดูดซับความหอมจากผิวส้มได้มากขึ้นค่ะ เมื่อได้เวลาแล้วก็นำมากรองเอาผิวส้มออก
นำเจลาตินกับน้ำเย็นมาผสมกัน แล้วตั้งพักไว้ประมาณ 5 นาที จากนั้นก็เอาถ้วยเจลาตินไปอังในถ้วยอีกใบที่ใส่น้ำร้อนไว้ แล้วคนจนเจลาตินละลาย
มีเทคนิคเล็กน้อย เมื่อละลายเจลาตินแล้ว อย่าเพิ่งใส่ลงในหม้อครีม ควรจะตักครีมมาใส่ในถ้วยเจลาตินซัก 3-4 ช้อนโต๊ะก่อน ค่อยๆใส่ทีละช้อนแล้วคนให้เข้ากัน แล้วค่อยเทเจลาตินที่ผสมแล้วลงไปในหม้อครีมอีกทีหนึ่ง
(เพราะถ้าเทเจลาตินลงไปทีเดียวเลยเนี่ย ความหนาแน่นของส่วนผสม 2 อย่างมันไม่เท่ากัน จะทำให้เนื้อไม่เข้ากันค่ะ)
เมื่อทำดังนี้เรียบร้อยแล้วก็นำไปใส่ในถ้วยพิมพ์ จะใช้ถ้วยพิมพ์แบบไหนก็ได้ตามใจชอบค่ะ เสร็จแล้วนำไปแช่ตู้เย็นช่องธรรมดา 4-6 ชั่วโมง

ส่วนผสมของซอสสตรอเบอร์รี่
สตรอเบอร์รี่สด 500 กรัม ล้างให้สะอาดพักไว้ให้แห้ง แล้วหั่นลูกนึงเป็นสี่ส่วน
น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วย
ผิวส้มซอยฝอย ๆ 1 ช้อนชา
น้ำส้มคั้นสด 1/2 ช้อนโต๊ะ
เหล้าส้ม หรือ เหล้ารัม หรือบรั่นดี 1 ช้อนโต๊ะ (ใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ ตามสูตรเค้าใส่ แต่ตอนเราทำจริงๆ ก็ไม่ได้ใส่)
วิธีทำ
นำสตรอเบอร์รี่ + น้ำตาล + น้ำเปล่า + ผิวส้ม ใส่ในหม้อแล้วนำไปตั้งไฟปานกลาง
ต้มไปเรื่อย ๆ จนกว่าสตรอเบอร์รี่จะเปลื่อยประมาณ 10 นาที สตรอเบอร์รี่จะเปลื่อยจนเกือบละลายเป็นน้ำเชื่อม
เสร็จแล้วก็ยกออกจากเตา ตั้งไว้ให้เย็นลง แล้วนำไปแช่ตู้เย็นเก็บไว้ราดหน้าขนมตอนเสริฟ

เมื่อตัว panna cotta ได้เวลาเสริฟ ก็ให้นำพิมพ์ไปแช่ในน้ำร้อนซัก 2 วินาที หรือแช่จนกว่าจะเขย่าพิมพ์แล้วตัวขนมร่อนออกจากขอบพิมพ์ ระวังอย่าแช่นานเกินไปเพราะมันจะละลายเป็นน้ำ เดี๋ยวขนมจะออกมาไม่สวย
นำจานมาคว่ำประกบลงบนพิมพ์ แล้วพลิกจานหงายขึ้น เดี๋ยวขนมก็หลุดออกจากพิมพ์
นำ strawberry สด มาจัดลงในจาน แล้วราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่ให้สวยงาม

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : pantip.com
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/05/strawberry-panna-cottastrawberry-panna-cotta/

No-Bake Bakery of the Day: Milk Pudding

No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Milk Pudding

เดี๋ยวจะเบื่อ mousse กันซะก่อน วันนี้เลยเปลี่ยนเป็น pudding ก็แล้วกัน ทำง่ายไม่แพ้กันเลย

ส่วนผสม
นมสด 400 ซีซี
น้ำตาลทราย 4 ชต.
ผงวุ้นสำเร็จรุป 2 กรัม
เกลือนิดหน่อย

วิธีทำ
เทนมลงในหม้อ 200 ซีซี พร้อมกับใส่ผงวุ้น ตั้งไฟไม่ต้องแรงมาก ต้มจนเดือดแล้วเบาไฟให้อ่อนลง
ใส่น้ำตาลและเกลือ คนให้ละลาย
ยกลงจากเตา เติมนมส่วนที่เหลือลงไป
เทใส่ถ้วย แช่ตู้เย็น

ตกแต้งแล้วแต่สะดวกเลย จะเป็นวิปครีม(อาจจะเลี่ยน) หรือผลไม้สดก็สวยอร่อยดีนะ

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : internet
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/05/milk-puddingmilk-pudding/

No-Bake Bakery of the Day: Orange Mousse Chocolate Cup

No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Orange Mousse Chocolate Cup

ก็ยังคงวนเวียนอยู่กับ mousse ต่อไป เพราะง่ายและอร่อยดี
สูตรนี้ได้มาจาก Food Paper by Yingsak ของ อ.ยิ่งศักดิ์ ค่ะ

ส่วนผสมถ้วยช็อกโกแลต
1. ถ้วยฟอยด์ขนาดกลางประมาณถ้วยเค้กกล้วยหอม
2. ช็อกโกแลต ดาร์คหรือนมก็ได้
3. แปรงสำหรับทาช็อกโกแลต
วิธีทำ
1. ละลายช็อกโกแลตก่อนนะค่ะ เริ่มต้นก็ทำน้อยก่อนก็ได้ สัก 100 กรัม
2. นำแปรงจุ่มในช็อกโกแลต แล้วป้ายลงด้านในถ้วยฟอยด์ให้ทั่ว แล้วพักให้แห้ง ทาซ้ำอีกจนได้ความหนาที่ต้องการ ก็ประมาณ 3-4 รอบก็พอดีนะคะ
3. นำไปแช่เย็นให้แข็งตัว แล้วดึงฟอยด์ออก แช่เย็นถ้วยช็อกโกแลตไว้รอก่อนนะ เดี๋ยวมาทำมูสกัน
ส่วนผสมมูสส้ม
1. น้ำส้มเข้มข้นชนิดชงดื่ม 100 กรัม ใช้ ยี่ห้อ sun quick ก็ได้ค่ะ เลือกชนิด orange flavor นะค่ะถ้าเป็น mandarin flavor เอามาทำขนมจะไม่อร่อยค่ะ
2. น้ำเชื่อม 15 กรัม อันนี้ทำเองก็ได้ค่ะโดยละลาบน้ำตาลกับน้ำในอัตราส่วน 1:1 นำขึ้นตั้งไฟ คนตอนเวลาจนน้ำเชื่อมข้น นำมาพักไว้ก่อน
3.นมรสส้ม 100 กรัม
4. ไข่ไก่ 2 ฟอง
5. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
6. มาการีนหรือเนยสด 40 กรัม
7. วิปปิ้งครีมตีขึ้นฟู 300 กรัม
8. น้ำส้มเข้มข้น 50 กรัม(สำหรับตีผสมกับวิปปิ้งครีม)
9. สีส้ม อันนี้จะใช้หรือไม่ใช้ก็ได้ค่ะ ถ้ามีสีผสมอาหารช่วยนิดหน่อยสัก 1/4 ช้อนชา ก็สวยขึ้น
วิธีทำ
1.นำส่วนผสมทุกอย่าง ยกเว้นวิปปิ้งครีม ใส่หม้อตุ๋น นำขึ้นตั้งไฟ ใช้ไฟอ่อน คนจนส่วนผสมเดือดสุก จึงยกลง พักไว้จนเย็นสนิท
2.นำส่วนผสมที่ได้ผสมกับวิปปิ้งครีมรสส้มที่ตีขึ้นฟูแล้ว ค่อยๆตะล่อมจนส่วนผสมเข้ากันดี
3.ตักใส่ถุงบีบที่ใส่หัวบีบไว้แล้ว บีบลงในถ้วยช็อกโกแลตที่เตรียมไว้ แล้วแต่งหน้าด้วยส้มในน้ำเชื่อม ใช้ยี่ห้อ Dole ก็ได้ค่ะ หรือจะแต่งด้วยผิวส้มก็ได้จ้า

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : internet
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/05/orange-mousse-chocolate-cup/

วันศุกร์ที่ 4 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Triple Chocolate Mousse

No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Triple Chocolate Mousse
ปกติขนมจำพวก mousse มันก็ไม่ต้องใช้เตาอบอยู่แล้วอ่ะนะ

ส่วนผสม
ช็อคโกแล็ตสับละเอียด 12 ออนซ์ (ถ้าทำ 3 สี dark, milk, white อย่างละ 3 ออนซ์)
เหล้า 2 ออนซ์
ไข่แดง 7 ฟอง
น้ำเชื่อม 5 ออนซ์ (น้ำตาล 2.5 ออนซ์และน้ำ 2.5 ออนซ์)
ครีม 2 ถ้วย
(1ถ้วย = 8 ออนซ์ค่ะ)
วิธีทำ
ละลายช็อคโกแล็ตโดยวางภาชนะที่ใส่ช็อคโกแล็ตบนหม้อที่มีน้ำร้อนแต่ไม่เดือด
ตีไข่แดงจนขึ้นฟู
นำน้ำเชื่อมต้มให้เดือด
ค่อยๆ เทน้ำเชื่อมใส่ในไข่ ตีไปด้วย ตีจนเย็นจึงใส่เหล้า
แบ่งเป็น 3 ส่วน ใส่ช็อคละลาย 3 แบบในแต่ละส่วน
แบ่งครีมเป็น 3 ส่วน ใส่ในมูสแต่ละชนิด
ตักใส่ภาชนะเป็นชั้น ๆ
แช่เย็นหรือแช่แข็งตามความชอบค่ะ

ถ้าขี้เกียจทำสามอย่างก็รวมทำแค่รสเดียวค่ะ ถ้าอยากทำสามสี ขอแนะนำให้ซื้อแค่ dark chocolate กับ white chocolate เพราะเอาสองอย่างนี้มาผสมกันแทน milk chocolate ได้ค่ะ

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit: internet
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/04/triple-chocolate-mousse/

No-Bake Bakery of the Day: Quick OREO Cheesecake


No-Bake Bakery
สูตรขนมเค้ก ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Quick OREO Cheesecake

ชื่อก็บอกว่า Quick แถมทำโคตรง่าย ไม่ต้องใช้เตาอบไม่พอ ไม่ต้องใช้เครื่องมืออะไรเลยอีกต่างหาก

ส่วนผสม
PHILADELPHIA Ready-To-Eat Cheesecake Filling 24.2 ออนซ์
Cookies OREO หั่นหยาบๆ 12 ชิ้น
OREO Pie Crust 6 ออนซ์
วิธีทำ
ตัก PHILADELPHIA Cheesecake ใส่ลงในชามขนาดใหญ่ จากนั้นใส่ OREO ที่ได้หั่นหยาบๆไว้ ใส่ลงไปประมาณ 1/3 ถ้วย จากนั้นคนจนเข้ากันดี
นำ OREO crust มากดลงบนถาด แล้วทำให้เรียบด้วยส่วนหลังของช้อน
เท PHILADELPHIA Cheesecake ที่ได้ผสม OREO ไว้แล้วลงบน crust จากนั้นโรยหน้าด้วย OREO หั่นหยาบที่เหลือ
สามารถเสิร์ฟได้ทันที หรือนำไปแช่ตู้เย็นก่อน

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit: www.kraftfoods.com
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/04/quick-oreo-cheesecakequick-oreo-cheesecake

วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Strawberry & Orange Mousse


No-Bake Bakery
สูตรขนมเค้ก ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Strawberry & Orange Mousse

มูสสตรอเบอร์รี่
ฐานเค้ก : ซื้อสำเร็จเอาตาม villa market ก็ได้ ตัดเป็น 3 ชั้น นำพิมพ์วงแหวนเล็กกดลงบนเค้ก จะได้เค้กกลมชิ้นเล็ก
* ส่วนมูส
นมรสสรอเบอร์รี่ 50 กรัม
น้ำเชื่อมสรอเบอร์รี่เข้มข้น 50 กรัม
น้ำตาลทราย 25 กรัม
แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนโต๊ะ
วิปปิ้งครีม 250 กรัม
เจลาตินเกือบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน 20 กรัม
วิธีทำ
ละลายเจลาตินกับน้ำร้อนพักไว้ก่อน
ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำตาลก่อนในหม้อต้ม เพื่อที่แป้งข้าวโพดจะไม่จับเป็นก้อนเวลาต้ม
ใส่นม น้ำเชื่อม ตามลงไป ในไปต้มจนส่วนผสมเดือดและข้น
ยกลงพักให้เย็น
นำวิปปิ้งครีมมาตีให้ขึ้นฟู แล้วนำส่วนผสมมูสสตรอเบอร์รี่และเจลาตินผสมลงไป ค่อยๆตะล่อมคนจนเข้ากัน


มูสส้ม
ฐานเค้ก : ทำเหมือนของมูสสตรอเบอร์รี่
* ส่วนมูส
น้ำส้มเข้มข้น 15 กรัม
น้ำ 25 กรัม
น้ำตาลทราย 25 กรัม
แป้งข้าวโพด 1/2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
เนย 25 กรัม
วิปปิ้งครีม 250 กรัม
เจลาตินเกือบ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำร้อน 20 กรัม
วิธีทำ
ละลายเจลาตินกับน้ำร้อนพักไว้ก่อน
ผสมแป้งข้าวโพดกับน้ำตาลก่อนในหม้อต้ม เพื่อที่แป้งข้าวโพดจะไม่จับเป็นก้อนเวลาต้ม
ใส่นม น้ำเชื่อม ตามลงไป ในไปต้มจนส่วนผสมเดือดและข้น
ยกลงพักให้เย็น
นำวิปปิ้งครีมมาตีให้ขึ้นฟู แล้วนำส่วนผสมมูสสตรอเบอร์รี่และเจลาตินผสมลงไป ค่อยๆตะล่อมคนจนเข้ากัน

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : internet
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/03/strawberry-orange-moussestrawberry-orange-mousse/

วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Pineapple Cheesecake Dessert

No-Bake Bakery
สูตรขนมเค้ก ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Pineapple Cheesecake Dessert

ส่วนผสม
BAKER'S ANGEL FLAKE Coconut 2 ถ้วย
finely chopped PLANTERS Pecans 1 / 2 ถ้วย
แป้ง 3 ช้อนโต๊ะ
เนย หรือ เนยเทียม 3 ช้อน โต๊ะ
เจลาติน 1 ซอง
น้ำเย็น 1 / 4 ถ้วย
PHILADELPHIA ครีม ชีส Spread 3 แพค (แพคละ 8 ออนซ์.)
น้ำตาล 1 / 2 ถ้วย
สับปะรดบดตากแห้ง 1 กระป๋อง (20 ออนซ์.), น้ำ 1 / 2 ถ้วย
วิปครีม
วิธีทำ
ทำให้ ร้อน ก่อน เพื่อ เตา อบ 350 ° F. มะพร้าว ผสม, พี แคน, แป้ง และ เนย; กด มั่น สู่ ด้าน ล่าง ของ 13x9 นิ้ว จาน อบ. อบ 15 นาที. Cool สมบูรณ์.

โรย วุ้น กว่า น้ำ ใน กระทะ เล็ก ให้ ยืน 1 นาที. ปรุง อาหาร ใน ความ ร้อน ต่ำ 5 นาที หรือ จนกว่า กาว จะ ละลาย สมบูรณ์, ตื่นเต้น บาง ครั้ง.

ตี ครีม ชีส และ น้ำตาล ใน ชาม ขนาด ใหญ่ ที่ มี เครื่อง ผสม ไฟฟ้า กับ ความเร็ว ปานกลาง ถึง ดี ผสม. ค่อยๆ เพิ่ม วุ้น และ น้ำ สับปะรด reserved, ตี จน ผสม. แช่เย็น จน thickened เล็กน้อย. เบา ๆ คน ใน สับปะรด และ ติดตาม whipped; ริน เหนือ ขอบ. หลาย ชั่วโมง ทำให้ เย็น หรือ คืน บริษัท จนกว่า. ขนม เหลือ เก็บ ใน ตู้ เย็น

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : www.kraftfoods.com
http://wanwai.hroyy.com/2009/12/02/pineapple-cheesecake-dessert/

วันอังคารที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2552

No-Bake Bakery of the Day: Cranberry Orange Dream



No-Bake Bakery
สูตรขนม ไม่ต้องใช้เตาอบ วันนี้เป็น Cranberry Orange Dream

ส่วนผสม
น้ำเดือด 1-1/2 ถ้วย
เจลาตินรสแครนเบอร์รี่ยี่ห้อ Jello 1 pkg.(8 คน)
ซอสที่ผสมผลแครนเบอร์รี่ 1 กระป๋อง (16 ออนซ์.)
น้ำเย็น 1-1/2 ถ้วย
ส้มแมนดารินตากแห้ง 1 กระป๋อง (11 ออนซ์. หรือ 15.5 ออนซ์.)
แครกเกอร์บดหยาบผสมน้ำผึ้ง 1-1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
มาการีนหรือเนยละลาย 1/2 ถ้วย
ครีมชีส PHILADELPHIA ชนิดนุ่ม 1 pkg. (8 ออนซ์.)
วิปครีม 8 ออนช์

วิธีทำ
ผสมเจลาตินในชามที่มีน้ำเดือดอย่างน้อย 2 นาทีหรือจนกว่าจะละลาย จากนั้นใส่ซอสที่ผสมผลแครนเบอร์รี่ลงไปกวนจนกระทั่งละลาย
นำไปแช่เย็น ประมาณ 1-1/4 ชั่วโมง หรือจนกระทั่งข้นเล็กน้อย แล้วจึงใส่ส้มแมนดารินลงไปผสมเบาๆ
ผสมแครกเกอร์บดหยาบ, น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย และเนย ในถาดขนาด 13x9 นิ้ว
กดให้ฐานพาย (crust) แน่นและผิวหน้าเรียบ และนำไปแช่ตู้เย็นจนกว่าจะพร้อมใช้งาน
ตีครีมชีสและน้ำตาลที่เหลืออีก 1/4 ถ้วย ในชามขนาดใหญ่ หรือเครื่องตี จนกว่าจะเข้ากัน
จากนั้นใส่วิปครีมลงไปผสม แล้วนำไปเทลงบน crust แล้วปาดให้ผิวหน้าเรียบเสมอกัน
แล้วจึงเทเจลาตินที่ผสมซอสแครนเบอร์รี่ลงไปทับข้างบน แล้วนำไปแช่ตู้เย็นไว้ 3 ชม. หรือจนกว่าจะแข็งตัว
ตกแต่งด้วยวิปครีมที่เหลือก่อนจะ เสิร์ฟค่า

แล้วจะหาสูตรขนมง่ายๆตามสไตล์ No-Bake Bakery มาฝากกันใหม่ค่ะ

credit : www.kraftfoods.com

http://wanwai.hroyy.com/2009/12/01/cranberry-orange-dream/